วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มาดู! Workshop จาก YSL กับพี่ป้อม วินิช งานนี้เด็ดจริง ฟินจริง เล่นจริง เจ็บจริงค่าาาา

สวัสดีคะทุกคนนนนน

วันนี้ เรามีเรื่องมาอัพเดทกันสดๆร้อนๆคะ 

หลายๆคนที่ติดตาม Facebook ของ YSL หรือ Yves Saint Laurent อยู่ คงจะพอเห็นผ่านๆว่าช่วงนี้ ทางแบรนด์กำลังมีจัดบูทอยู่ที่ลานพารากอนอยู่ ซึ่งงาน 7 วันนี้ ทางแบรนด์ก็ขนช่างแต่งหน้าและ Beauty Blogger เจ๋งๆมาสอนแต่งหน้ากันเลยทีเดียว





และวันนี้เป็นวันแรกที่มีกิจกรรมนี้คะ และคนแรกที่มาสอนก็คือออ พี่ป้อม วินิช ช่างแต่งหน้าอันดับต้นๆของไทย ที่แต่งให้ดาราดังๆเช่นพี่ชมพู่ ทั้งงาน Cannes และงานแต่งงานของพี่ชมพู่

ซึ่งตามตารางแล้ว พี่ป้อมจะมา 2 วันนะคะ วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 15.00 และ วันที่ 19 มิ.ย. เวลา 19.00 

โดยรอบวันนี้ผู้ที่เข้าร่วมจะซื้อ Gift Voucher มูลค่า 3,500 บาท เพื่อเข้าเรียน และ Voucher ตัวนี้ สามารถใช้แลกเป็นผลิตภัณฑ์ได้เต็มราคาเลยคะ เรียกว่า คุ้มจริงๆคะ

ซึ่งวันนี้ที่ไป ตั้งใจไปเรียนมากคะ เพราะอยากใกล้ชิดและเรียนรู้เทคนิคดีๆจากช่างอันดับหนึ่งอย่างพี่ป้อมจริงๆคะ




ซึ่งพอไปถึงนะคะ ขั้นตอนแรกพี่ๆ BA ก็ให้ลบเครื่องสำอางค์ก่อนเลยคะ 

หลังจากลบเครื่องสำอางค์เสร็จแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนการบำรุงผิว โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากไลน์ Youth Liberator ซึ่งก็ได้ลอง Serum บำรุงหน้า, ตัวครีมบำรุง และกันแดด ซึ่งมีลักษณะเป็น CC cream มี base อยู่อ่อนๆด้วยคะ ^^


ผลิตภัณฑ์ Skin care จาก YSL



ล้างเครื่องสำอางค์ออก บำรุงผิวเรียบร้อย พร้อมแต่งหน้าเต็มที่



ระหว่างรอถ่ายรูปเล่น อิอิ

และเมื่อเริ่มแต่งหน้ากับพี่ป้อม พี่เค้าก็แนะนำตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ไปถึงการลงรองพื้นต่างๆ แต่งปาก แก้ม ตา และจนจบ

ขั้นตอนคร่าวๆที่ได้เรียนวันนี้นะคะ (วันนี้เอาคร่าวๆก่อนนะคะ เดียวครั้งหน้ามาบอกเทคนิคเต็มๆให้ฟัง ^^)
  1. ลงบำรุงผิว
  2. ลงครีมกันแดด (แต่ในที่นี้จะเป็น CC cream ด้วยคะ)
  3. ลงรองพื้น ใช้ตัว Serum foundation ที่เพิ่งออกใหม่ล่าสุดคะ
  4. ลงแป้งโดยใช้แปรง
  5. ลงแก้ม และปาก (ลงปากอ่อนๆไว้ก่อนคะ พี่ป้อมบอกว่า เราจะได้เห็นภาพคร่าวๆในช่วงแต่งตาไปด้วยคะ ^^)
  6. แต่งตาแบบ Smokey Eyes ใช้สีโทนน้ำตาลม่วงมี Shimmer และ สีฟ้า คะ
  7. ลง Soft liner ที่เป็นแบบแท่ง เน้นขอบตาล่าง 3/4 และขอบตาบนใน inner eye คะ 
  8. เขียนคิ้ว
  9. ปัดแก้มแบบ powder
  10. ทาปากอีกทีในสีจริงที่เราต้องการ
  11. กลับมาดัดขนตา และปัด mascara เพราะพี่ป้อมบอกว่า เอาไว้ทำหลังสุดเผื่อเรากลับมาแก้ตา หรือเพิ่มสีอะไรอีก 
  12. สุดท้าย ปัดแป้งด้วยแปรงอีกครั้งทั่วหน้าเพื่อเป็นการ Clean งานให้เนี้ยบ









แต่งเสร็จแล้วถ่ายกับพี่ BA พี่ผึ้งคะ


ถ่ายกับพี่ป้อม วินิชคะ ^^
____________________________________________________________

คือจะบอกว่า ประทับใจในตัวพี่ป้อม มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่าาาา

คือส่วนตัว ตอนแรกจริงๆเลยเนี่ย เราคิดว่าพี่เค้าจะเข้าถึงยาก และอาจจะดูหยิ่งๆนิดนึงคะ 

แต่พอมาเจอตัวจริงนี่แบบ สอนสนุกมากกกกกก น่ารัก เป็นกันเองมากๆคะ คือรูสึกดีใจมากๆที่ได้มาเรียนวันนี้

พอเรียนเสร็จ ก็ถึงเวลาโดนนนค่าาา 55555

เอา Voucher ไปแลกซื้อของ และไปซื้อของเพิ่มเติมซึ่งพี่ BA ที่ดูแลเราอยู่ ก็น่ารักมากๆๆๆๆคะ เป็นกันเองมากๆๆๆๆ พี่เค้าก็พยายามโน้มน้าวเราว่าถ้าซื้อครบ 5,000 บาท ได้แถมโน่นนี่นั่น และได้เป็นสมาชิก VIP เราส่วนลด รับของโน่นนี่นั่นอีกนะ! ซึ่งเราก็คิดแล้วนะคะ คิดว่า โดนแน่ๆคะ จะเหลือหรอคะ 55555555

ก็กลับไปซื้อของกันต่อตรง counter YSL คะ ซึ่งพี่ป้อมก็มาช่วยดูให้นักเรียนต่อนะคะ พี่เค้าน่ารักมากๆ ดูเป็นคนที่ active และมี passion มากคะ

เค้าเลือกไปก็สอนไป ไม่หยิ่งเลยย ไม่ถือตัว ไม่กั๊กอะไรทั้งสิ้น แถมยังเป็นคนอารมณ์ดีคะ 

ซึ่งเราก็ถามเค้าคะ ว่าถ้าให้แนะนำผลิตภัณฑ์ must have ของ YSL จะมีอะไรบ้าง ซึ่งสาวๆเตรียมตัวคะ มี...

  1. แป้ง Le Tient Touche Eclat
  2. ไฮไลต์ Le Touche Eclat (ซึ่งตัวนี้ ถ้าเลือกสีเดียวกับผิวก็สามารถใช้เป็น Concealer ได้สบายๆค่า)
  3. รองพื้น Fusion Ink Foundation และ Le Tient Touche Eclat
สำหรับ Foundation นะคะ ถึงพี่เค้าจะประทับใจเจ้า Serum Foundation ตัวใหม่ แต่อีกตัวนึงที่เค้าประทับใจไม่แพ้กัน (และดูเหมือนจะชอบเอามากๆๆ) คือตัว Le Tient Touche Eclat ซึ่งออกมาก่อนหน้ารุ่นล่าสุดนี้แปปนึงคะ ซึ่งพี่ป้อมก็บอกว่า ตัวนี้ปกปิดหนากว่า และเริ่ดคะ (แต่แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนนะคะ ว่าต้องการปกปิดขนาดไหน ^^)

แล้วพี่ป้อมก็ช่วยลงแป้ง ปิดรอยต่างๆให้เรา ต้องบอกเลยว่าเนียนมากกกก เป็นธรรมชาติมากๆๆๆๆ ตือเค้าลงพอสมควรเลยนะคะ แต่ไม่เหมือนโบ๊ะหน้าเลยคะ คือต้องบอกว่ายังเป็นผิวอยู่มากๆคะ

____________________________________________________________
สรุปแล้ว สุดท้าย ก็ได้มา 2 อย่างคะ คือ 

  1. แป้ง Le Tient Touche Eclat ราคา 2,250 (ตัวแป้งรีฟิว 1,850 ตัวตลับ 700)



2. Eye shadow YSL Tuxedo Couture Variation Ten-Color Expert Eye Palette ราคา 3,650 บาท 

ที่ใช้ใน Workshop เป็น palette ใหม่ที่เพิ่งออกมา Limited Edition คะ 

(ตัวนี้แพงมาก รู้สึกแอบแย่ที่ซื้อมา เพราะก็มี eye shadow เยอะมากๆแล้ว แต่มันแต่งแล้วเข้ากับตาเรามากๆเลย ก็เลยโดนไปเต็มๆ ช่างเจ็บปวดรวดร้าว TT) 




_________________________

และของแถมที่ได้มามี

  1. Lip No.1 (Red)

2. Mascara Volume Effect Faux Cils



____________________________________________________________

ภาพรวมดาว 555555




____________________________________________________________

สรุปโดยรวม ประทับใจมากๆคะ และสำหรับคนที่สนใจงานนี้นะคะ เค้าจะจัดถึง 1 อาทิตย์คะ สามารเข้าไปดูรายละเอียดที่ facebook ของ YSL ได้ และแฟรี่เอา Poster มาฝากคะ ตารางงาน และผู้สอนดังนี้เลยนะค่าาาา ^^


____________________________________________________________

ก่อนจากกันไป เรามาดูผลงานวันนี้กันนิดนึงนะคะ ^^


ถ่ายหลังจากขึ้นรถสดๆร้อนๆ


กลับมาบ้านเก็บภาพอีกทีก่อนลบ 555555



____________________________________________________________


หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะค่าา ^^ ขอให้ทุกคนสวยวันสวยคืน และว่างๆอย่าลืมหาเวลาไปเรียนแต่งหน้า ฝึกฝีมือกันนะคะ ^^

บ๊ายบายยยยยยยยยยย ><





วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[Review] ผลิตภัณฑ์ skin care จาก benefit: It's potent eyes cream และ triple performing moisturize

สวัสดีค่าาา

วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ทุกคนเป็นยังไงกันบ้างคะ ^^ 

พรุ่งนี้จะเป็นวันพักผ่อนชิวๆอีกวัน บางคนอาจจะกำลังหาโอกาสแอบไปช็อปเครื่องสำอางค์กันสักหน่อย แต่ก็อย่าลืมว่าการบำรุงผิวหน้า และการเลือกใช้ Skin care ที่เหมาะสมก็เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้การแต่งหน้าที่ดีเลยนะคะ 

และในตอนนี้ เราก็มักจะเห็น Brand เครื่องสำอางค์ทั้งหลาย launch ผลิตภัณฑ์สาย Skin care ออกมาให้ทุกคนใช้คู่กับ product ของเค้าด้วย 

ซึ่งเวลาเราตาม counter เราก็อดที่จะแอบดูและเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เอ้ๆๆๆๆๆ ถ้าซื้อตัวนี้! ไปใช้กับตัวนี้! มันต้องออกมาเริ่ด หน้าต้องเนียนแน่เลยยย เพราะเค้าสร้างให้มันมาคู่กันน (เข้าข้างตัวเองและหาเรื่องเสียเงินเพื่อมาสนอง need ตัวเองสุดๆ TT) 

นอกจากนั้นแล้ว เราก็ยังจะเห็นว่าราคาของ Skin care ในยี่ห้อที่เป็น make up จะมีราคาไม่ได้สูงเท่ากับยี่ห้อที่เชี่ยวชาญด้าน Skin care ไปเลย (แต่ก็ยังแพงเหมือนกันนะ YY) 

อย่างยี่ห้อ Benefits ที่เราจะมารีวิววันนี้ก็เหมือนกันคะ เค้า launch ผลิตภัณฑ์ Skin care มาหลายตัวเลยทีเดียว และจุดเด่นของ Benefits คือ..... 
       อย่างแรกเลย ทางแบรนด์ทำ packaging ของตัว skin care ออกมาได้น่าใช้มาก คือไม่ถึงกับเรียกว่าน่ารักซะทีเดียว แต่ยังมีความหรูนิดๆอยู่ในตัว ซึ่งถือว่าใครเห็นก็ต้องอยากรู้แน่นอนว่า ไอ้เจ้าตัวนี้คืออะไร 
       และสอง คือ "กลิ่น" ของผลิตภัณฑ์ Skin care ส่วนใหญ่ที่ช่างหอมมมม ทาแล้วมันช่างหอมมมซะจริงๆๆๆๆ ทำให้อยากใช้ตลอดเวลา เพราะรู้สึก fresh มากๆ 


-----------------------------------------
ถ้ายังงั้น ไม่เสียเวลาไปกว่านี้ เรามาดู Skin care 2 ตัวยอดฮิต ที่แฟรี่จะมารีวิวกันดีกว่าคะ ^^

1. It's potent eyes cream (Left)

2. triple performing moisturize (Right)


1. It's potent eyes cream

2. triple performing moisturize


ส่วนตัวนะคะ แฟรี่คิดว่าจุดเด่นของ skin care ทุกตัวของ Benefit คือเรื่องกลิ่นคะ คือเค้าทำกลิ่นมาได้หอมชวนบำรุงผิว (หรือสูบเงิน 5555) กันมากๆ แต่ในเรื่องของคุณภาพ เรามาดูกันคะว่าเจ้า 2 ตัวนี้ดีจริงมั้ย

________________________________________________

It's potent eyes cream
ราคา- 1,400 บาท

สรรพคุณที่บรรยายไว้- ในกล่องเค้าบรรยายสรรพคุณไว้ว่าตัวนี้จะช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา และริ้วรอยต่างๆค่ะ

ความเห็น- eyes cream ตัวนี้เปิดมาข้างในก็จะเป็นครีมสีขาวๆ กลิ่นไม่ได้หอมนะค่ะ กลิ่นจะเหมือนยานิดๆ  ตอนนี้ใช้มาประมาณ 3 เดือนแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าช่วยในเรื่องใต้ตาดำเท่าไหร่นะค่ะ 5555 ส่วนเรื่องริ้วรอยนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่า... ไม่น่าจะช่วยเช่นกันนะค่ะ 5555  
        แต่สิ่งนึงที่ชอบมากกับเจ้าตัวนี้คือ เวลาลงไปที่ใต้ตาเราจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยค่ะคุณขา เหมือนมันไป refresh ให้รู้สึกสดชื่นนะค่ะ เลยชอบใช้ 5555 แต่หลังๆมานี้รู้สึกมันจะเฉยๆแล้วนะค่ะ ไม่รู้เพราะชินกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไปแล้วรึเปล่า แอบเซ็งนิดๆเลย  ตัวนี้ทาได้ทั้งเช้าและเย็นนะค่าา

คะแนน- 6/10

ซื้ออีกรึเปล่า- ไม่ซื้อแล้วค่า (ถึงจะรัก benefit ก็ตาม ขอโทษจริงๆ TT)

________________________________________________

triple performing moisturize

ราคา- 1,250 บาท

สรรพคุณที่บรรยายไว้- สรรพคุณบอกไว้ว่าช่วยเก็บกักหน้าให้มีน้ำชุ่มชื้นนะค่ะ (capture and maintain water on skin's surface) ตัวนี้เป็น oil free (เป็นคนหน้ามันค่ะ) และมี spf 15 PA++ (PA คือค่าที่ใช้วัดว่าตัวนี้ป้องกันรังสี UVA ได้เท่าไหร่ค่ะ คนที่ไม่ค่อยได้ออกแดด PA+ ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าใครออกแดดนานๆแนะนำให้เป็น PA++ขึ้นไปค่ะ) ตัวนี้สำหรับคนที่หน้ามันนะค่ะ ถ้าหน้าแห้งจะต้องใช้อีกสูตรค่ะ

ความเห็น- ที่ชอบมากคือกลิ่นหอมมากค่าา เหมือนทำให้เราผ่อนคลาย เพราะฉะนั้นถ้าคนไหนไม่ชอบน้ำหอมในพวก skin care อาจจะไม่ค่อยชอบตัวนี้เท่าไหร่นะค่ะ ตัวนี้ใช้ได้ค่ะ คือรู้สึกมี moisturizer แต่หน้าก็ไม่มันค่ะ แต่ด้วยความเป็นคนที่หน้ามันอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเรื่องความชุ่มชื้นบนใบหน้ามาเท่าไหร่ค่ะ

คะแนน- 7.5/10

ซื้ออีกรึเปล่า- ไม่ซื้อค่ะ ตอนนี้เจอครีมตัวใหม่เป็นของหมอที่คลินิกใช้ดีมากค่ะ 5555


________________________________________________

โอเคค่าา จบกันไปเรียบร้อยแล้วนะคะ 

โดยรวมนะคะ แฟรี่คิดว่า Benefits จะเน้น Skin care ที่ไปทางความชุ่มชื้นซะมากกว่าคะ (โดยรวม) ซึ่งคิดว่า ถ้าใครอยากได้ skin care แบบจริงๆจังๆ Deep Skin care เลย แบรนด์นี้อาจจะยังไม่ใช่คำตอบคะ แต่ถ้าใครอยากเน้นเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อเป็นการ prep ก่อนแต่งหน้า แบรนด์นี้ก็ถือว่าโอเคคะ ถ้าเทียบราคาด้วย เพราะก็ยังเรียกว่าถูกกว่าแบรนด์อื่นๆหลายๆแบรนด์ในไลน์ Skin care คะ 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากที่แฟรี่บอกนะคะ Skin care หลายๆตัวของ Benefits จะใส่น้ำหอมลงไปคะ ซึ่งมันหอมจริงๆคะ 55555 แต่สำหรับใครที่ผิวหน้า Sensitive เป็นพิเศษ อาจจะต้องดูให้ดีและระวังนิดนึงนะคะ 

และที่สำคัญอย่าลืมกฏของเรานะคะ ถึงแม้จะอ่านรีวิวไปแล้ว ทุกคน "ต้อง" ลอง product ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง เพราะผิวของเราไม่เหมือนกัน ที่สำคัญที่สุด เราต้องรู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและสามารถช่วยแก้ปัญหานั้นๆได้นะคะ 

อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ ครั้งหน้าเรามีรีวิว product ของ Benefits มาเพิ่มให้ทุกคนอีกแน่นอนคะ ^^ 

--------------------- 
สำหรับรีวิวเก่าๆ สามารถคลิ้กดูได้ที่หน้า profile แฟรี่หรือเข้าไปที่.... 
Facebook: https://www.facebook.com/pages/Fairynista-Beauty-t... 

Blog: http://fairynistabeauty.blogspot.com

ขอบคุณค่าา ^^








วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

[Review] ผลิตภัณฑ์งานผิวจาก Bobbi Brown: Illuminating Moisture Balm, Intensive Skin Serum Foundation และ Sheer Finish Pressed Powder

สวัสดีค่าาาา

สุดสัปดาห์แบบนี้ เรามาดูของล่อตาล่อใจสำหรับการไปชอปปิ้งกันดีกว่าค่าาา อิอิอิ 

ครั้งที่แล้ว แฟรี่ได้รีวิวผลิตภัณฑ์ของ Bobbi Brown ไปแล้วรอบนึง เป็นตระกูลงานปาก ครั้งนี้ เราก็ยังคงอยู่กับขุ่นป้า Bobbi ของเราเหมือนเดิม แต่เป็นตระกูลผิวค่าา ซึ่งแฟรี่คิดว่าหลายๆคนก็ชอบและจับตาดูผลิตภัณฑ์ตระกูลผิวอยู่ไม่น้อยเลย 
_______________________________________
ก่อนที่เราจะไปดูรีวิว เรามาพูดถึงตัว Brand นี้กันก่อนคะ 

ในส่วนของ concept ของยี่ห้อนี้ เป็นอะไรที่แฟรี่รู้สึกประทับใจมากๆ เพราะเค้าเน้นความสวยแบบ "เป็นตัวของตัวเอง" และเน้นย้ำความเป็น "ธรรมชาติ" ของผู้หญิง 

ถ้าใครเคยได้ฟังสัมภาษณ์ หรืออ่านหนังสือของขุ่นป้า Bobbi Brown แล้ว ก็อาจจะพอทราบว่า Bobbi Brown ต้องการที่จะให้ผู้หญิง ดึงความสวยในแบบที่เป็นตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด และมากขึ้นจากการใช้เครื่องสำอางค์เข้ามาช่วยเน้นย้ำจุดเด่นของแต่ละบุคคล ที่มีอยู่แล้ว 

ฟังถึง Vision นี้แล้ว แฟรี่ว่าก็เป็นอะไรที่ดีมากๆคะ 
_______________________________________
ในแง่ของผลิตภัณฑ์ผิว เราก็จะเห็นคะว่า Bobbi Brown ปล่อยทั้งงาน Skin care และ Make up ออกมาเยอะพอๆกัน เรียกได้ว่า ขุ่นป้าเน้นการแต่งหน้าตั้งแต่ก่อนแต่งจนถึงแต่งเสร็จเลยทีเดียว 

และ Skin care ของ Bobbi Brown ก็อาจจะมีหลายๆคนแอบมองๆเล็งๆไว้ เพราะด้วย Packaging ที่สวยงาม และดูเรียบหรู พร้อมกับคุณสมบัติที่ขุ่นป้าเขียนไว้แบบสุดยอดมาก ก็ไม่แปลกที่ใครๆอยากจะลองซื้อมาใช้สักครั้ง 

แต่!!! เจ๊ Bobbi ของเราก็ตั้งราคา Skin care เอาไว้สูงพอสมควรเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก่อนซื้อสาวๆ (+หนุ่มๆบางคน) หลายๆคน ก็อาจจะอยากให้รีวิวอ่านให้มั่นใจซะก่อน 

ส่วนงานผิว ตระกูล Foundation ก็คงไม่ต้อพูดถึงว่า Brand นี้ก็มีชื่อเสียงมาพอสมควรแต่ไหนแต่ไร และสูตรที่เค้าปล่อยออกมา ก็มีมากมายให้เลือกกันสำหรับผิวทุกสี ทุกสภาพ ทุกโทนเลยทีเดียว เรียกว่าครอบคลุมจริงๆ 

และไม่นานมานี้ Bobbi Brown ก็ได้ Launch รองพื้นตัวใหม่ ที่เรียกว่าน้ำลายสอ ตระกาลตางานสร้างอยู่ไม่น้อยกับ Bobbi Brown's Intensive Skin Serum Foundation 

ซึ่งเป็นตัวที่เค้าโฆษณาและโปรโมทกันสุดขีด ว่าไอ้ตัวนี้แหละ คือของจริง! ดีจริง! เริ่ดจริง! แถมยังเป็นรองพื้นที่มีส่วนผสมของ Serum และส่วนประกอบทางธรรมชาติ ที่เรียกว่าบำรุงผิว เป็นธรรมชาติ แต่ยังคงทำหน้าที่ปกปิดได้อย่างดีได้อีกนะเธอออออ 
_______________________________________ 
กล่าวมาซะเยอะขนาดนี้ สรุปผลิตภัณฑ์ที่เราจะมารีวิววันนี้มีอะไรบ้าง 

1. Extra Illuminating Moisture Balm (ราคา 2,800 บาท) 
2. Intensive Skin Serum Foundation SPF 40 (ราคา 2,400 บาท) 
3. Sheer Finish Pressed Powder (ราคา 1,550) 

โดยยยย วันนี้เราขอรีวิวกันเป็นแบบเป็น VDO นะคะ เพราะงานผิวต้องลงให้ดูทุกคนจะได้เห็นชัดขึ้น 

งั้นเราไปดูกันก่อนเลยค่าาา ^^ 




________________________________________________________


เรามาสรุปคะแนนของแต่ละ product กันเลยดีกว่าคะ 



Illuminating Moisture Balm
ราคา: 2,800 บาท

คำอธิบายจากเว็บ Bobbi Brown:
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นได้ทั้งเมคอัพเบสและบำรุงผิว ให้ดูเปล่งประกายทันทีที่ใช้ และมอบความสดใสในระยะยาว ด้วยคุณค่าบำรุงที่ให้ผิวชุ่มชื่น, ดูไม่เหนื่อยล้า ช่วยให้ผิวที่ดูหมองคล้ำกลับมีชีวิตชีวาน่าสัมผัส 


คะแนน:
packaging 8/10 
(เรียบๆคะ ไม่ได้สะดุดตาอะไรมาก แต่ก็ดีคะ หักคะแนนตรงที่ขวดเป็นพลาสติกแบบมัน บางทีพอทาตัวนี้มือจะมัน พอจับขวดปิดฝา ทุกอย่างยิ่งมันและลื่นมือเล็กน้อย 


คุณภาพตามที่โฆษณา 7/10 
ไม่ได้รู้สึกแตกต่างขนาดนั้นคะ ใช้มาสักระยะก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ส่วนเพิ่มความเปล่งประกายด้วยตัวประกายมุก แฟรี่รู้สึกว่าก็เฉยๆคะ หน้าดู glow เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กับถึงกระจ่างใส ถ้าเทียบกันแล้ว ตัว illuminating face base อีกอันของป้าบ็อบบี้ดีกว่าคะ อันนั้นเห็นชัดมากว่าหน้าดูสว่างขึ้นมาทันที แต่ไม่ได้หักคะแนนขนาดนั้นเพราะรู้สึกว่าตัวนี้เข้ากันกับ Intensive Skin Serum Foundation คะ ทาด้วยกันแล้วยิ่งทำให้หน้ากริบขึ้น ส่วนกลิ่นตัวนี้ก็หอมมากคะ ใช้แล้วรู้สึกเป็นธรรมชาติผ่อนคลายคะ ^^ 

ราคา 7/10
คิดว่าแพงเกินไปสำหรับตัวนี้คะ (แหมมม แต่ก็ซื้อมาขนาดนี้แล้วนะ เสียสติสุดขีด 55555) เพราะอย่างที่บอกคือ มันไม่ได้เห็นผลชัดตามที่เค้าบอกขนาดนั้นคะ 

คะแนนโดยรวม 7/10

จะซื้ออีกมั้ย: คิดว่าไม่คะ อยากลองตัวอื่นมากกว่า รู้สึกว่าหาผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่านี้ได้ อาจจะใช้เป็น Illuminating Skil Base ของป้าเค้าแทนครั้งหน้า ^^




Intensive Skin Serum Foundation SPF 40
ราคา: 2,400 บาท

คำอธิบายจากเว็บ Bobbi Brown:
การผสมผสานอย่างลงตัวที่สุดระหว่างเครื่องสำอางและบำรุงผิว ที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูดียิ่งขึ้นตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cold Fusion ที่สามารถผสานคุณค่าอันเปี่ยมประสิทธิภาพของเซรั่มเข้ากับรองพื้นได้อย่างกลมกลืนไร้ที่ติ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อรองพื้นที่ยอดเยี่ยม เป็นธรรมชาติทั้งเนื้อสัมผัสและเฉดสี 

ทำงานอย่างไร
ฟื้นฟูสภาพผิว: ด้วยคุณค่าอันทรงพลังของถั่งเฉ้าที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการซ่อมแซมและผลัดเซลล์ผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูสดชื่น สดใส เนียนเรียบ และดูมีชีวิตชีวา 

ให้ผิวดูกระจ่างใส: สารสกัดจากใบย่านางจะมุ่งตรงเพื่อลดเลือนความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวดูสม่ำเสมอ
เติมความชุ่มชื้น: สารสกัดจากลิ้นจี่, แตงโม และแอ๊ปเปิ้ล จะช่วยเสริมสร้างระดับความชุ่มชื้นให้กับผิว
ให้ผิวดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อย และดูเนียนเรียบ: เทคโนโลยีเป๊ปไทด์ "Acetyl Hexapeptide-8" จะช่วยส่งเสริมการผลิตคอลเลเจนให้กับผิวตามธรรมชาติ
ฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก: เอนไซม์จากใต้ทะเลลึกจะช่วยฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวแข็งแรง และป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น

คะแนน
Packaging 8.75/10
ต้องพูดว่าชอบ packaging นะคะ ดูเลอค่าสุดขีด เรียบหรูดีคะ แต่แฟรี่ขอตัดคะแนนที่ตรงหัวที่ปิดยาก เพราะเวลาปิดต้องระวัง ไม่งั้นจะเลอะขอบง่ายมากคะ ใช้ไม่ได้สะดวกขนาดนั้น เหมือนที่แฟรี่บอกไว้ในคลิปนะคะ ^^ 

คุณภาพตามที่โฆษณา 9/10
คิดว่าจริงอยู่คะ ตัวนี้ใช้แล้วรู้สึกอุ่นใจมาก เพราะรู้สึกเป็นธรรมชาติ ไม่กลัวว่าจะมาทำร้ายผิว แล้วจะเป็นสิว coverage สำหรับแฟรี่ก็ถือว่าโอเคมากๆคะ เพราะไม่ได้บางเกินไป แล้วเราเป็นคนมีรอย กลิ่นก็หอมมากคะ ชอบมากๆ แต่หักคะแนนนิดนึงตรงที่บางทีทันอาจจะเยิ้มได้หน่อยๆเพราะเค้ามีพลังปกปิดพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นกับการทาของเราด้วยนะคะ แล้วก็อย่าลืม finishing powder ตบท้ายอย่างที่แฟรี่บอกในคลิปคะ ^^ 

ความติดทนนาน 8.75/10
จริงๆแล้วก็ติดทนนานนะคะ แต่อาจจะมีสี drop ได้บ้างระหว่างวันคะ ซึ่งตรงนี้วิธีแก้ก็ตือลงแป้งเติมความ fresh เรื่อยๆคะ ^^ 

ราคา 9/10
อันนี้คือ ถึงจะแพงแต่ต้องยอมเค้านิดนึงคะ เพราะตัวผลิตภัณฑ์นี้ ingredient เค้าเยอะและเป็นธรรมชาติเยอะ และสุดท้ายเวลาใช้ผลลัพธ์ก็ออกมาดี ก็โอเคคะ 

คะแนนรวม 9/10

ซื้ออีกมั้ย: ถ้าไม่โดนล่อลวงอยากไปลองของ brand อื่นซื้อใช้ต่อแน่นอนคะ แต่คิดว่าขวดนี้น่าจะใช้ได้อีกนานเลยคะ ^^

Sheer Finish Pressed Powder

ราคา: 1,550 บาท



คำอธิบายจากเว็บ Bobbi Brown:
แป้งอัดแข็งเนื้อละเอียด บางเบา ช่วยปรับผิวหน้าให้ดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยดูดซับความมันระหว่างวัน พร้อมคุณค่าวิตามีนอีช่วยบำรุงผิว บรรจุในตลับสี่เหลี่ยมคลาสสิค สง่าและพกพาติดตัวได้อย่างสะดวกสบาย มาพร้อมกับพัฟและกระจกส่องหน้า 

คะแนน

packaging 5.5/10
ไม่ชอบมากๆคะ ใช้ยากคะ อย่างที่บอกไปในคลิป แป้งก็ loose มาก เป็นผงง่าย ส่วนพัฟไม่ต้องพูดถึง บาดหน้าคะ ใช้พกพาไม่ได้ ต้องใช้แปรงลงอย่างเดียว 

คุณภาพตามที่โฆษณา 6.75/10
ถ้าใช้แปรงปัด ถือว่าโอเคอยู่คะ ดูบางเบา เซ็ตรองพื้นได้ดี แต่ถ้าให้ไปใช้ระหว่างวันอย่างที่เค้าบอกใช้ยากคะ เพราะถ้าทาด้วยพัฟนี่แป้งเป็นชั้นหนาเลยคะ หน้าหลอกมากๆ ดูลอยไปเลยคะ 

ความติดทนนาน 7/10
กลางๆคะ แต่รู้สึกว่า drop เร็ว ต้องเติมบ่อยคะ และอย่างที่บอก พัฟที่ให้มาไม่ได้เหมาะกับการเติมบ่อยๆเลยคะ 

ราคา 7/10
เพราะคุณภาพไม่ดี และตัว package ก็ทำมาดูกิ๊กกอกมากๆ รู้สึกว่าไม่คุ้มคะ 

คะแนนรวม 6.75/10

ซื้ออีกมั้ย: ไม่ซื้อแล้วคะ ไม่แนะนำเลยคะ รู้สึกยี่ห้ออื่นทำดีกว่านี้เยอะคะ ในราคาแบบนี้
---------------------------------------------------------------
ก่อนจากไป เรามาดูรูป Before กับ After กันอีกครั้ง


อันนี้ไม่ได้แต่งอย่างอื่นเพิ่มนะคะ ไม่มีปาก แก้ม หรือตา (แต่ขอคิ้วนิดนึงนะ 55555) เพื่อนๆจะได้เห็นผิวกันชัดๆ ^^


(ซ้าย- Before ขวา- After)

รูป before หน้าอาจจะดูเนียนเพราะกล้องดี 55555

แต่จริงๆแล้วจะเห็นว่ามีรอยแดง รอยสิวตามที่บอกไว้ในคลิปนะคะ ^^

แต่ถ้าตัวผิวหน้าหรือรูขุมขนกว้าง ตรงนั้นแฟรี่จะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่คะ ^^



(ซ้าย- Before ขวา- After)
_____________________________________________________________


เย้ๆๆๆๆ

แล้วก็จบกันไปแล้วนะคะ กลับรีวิวผลิตภัณฑ์ของ Bobbi Brown ทั้ง 3 ตัว !!!

ทั้งนี้ทั้งนั้น แฟรี่อยากบอกเพื่อนก่อนนะคะว่า ทุกผลิตภัณฑ์ "ต้อง" ไปลองด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะผิวหน้า และสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เวลาใช้ผลลัพธ์ก็จะต่างกันไปบ้าง ที่สำคัญ ต้องดูว่าตัวเองมีปัญหาผิว หรือสภาพผิวแบบไหน และหาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยปัญหานั้นได้มากที่สุดคะ ^^

และสำหรับใครที่อยากดูรีวิวลิปมันของป้า Bobbi ก็ลองเข้าไปดูย้อนหลังได้เลยนะคะ แฟรี่ทำไว้แล้ว นอกจากนั้น ยังมีตัวอื่นๆอีกที่จะมารีวิวอย่างละเอียดๆแบบนี้ให้ทุกคนดูกัน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้เค้าน้าาา ><